จากงานวิจัยมังคุดในห้องปฏิบัติการ สู่ภูมิสมดุลเพื่อสุขภาพในตลาดโลก
สรุปการเสวนาวิชาการ: จากงานวิจัยมังคุดในห้องปฏิบัติการ สู่ภูมิสมดุลเพื่อสุขภาพในตลาดโลก
- พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา, บมจ. เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์, กรุงเทพ, ประเทศไทย
- อำไพ ปั้นทอง, บมจ. เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์, กรุงเทพ, ประเทศไทย
- เสาวลักษณ์ พงษ์ไพจิตร, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, หาดใหญ่, ประเทศไทย
- วิลาวัลย์ มหาบุษราคัม, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, หาดใหญ่, ประเทศไทย
- ศิริวรรณ องค์ไชย, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่, ประเทศไทย
- ศิริทิพย์ วิริยะจิตรา, บมจ. เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์, กรุงเทพ, ประเทศไทย
ในปี ค.ศ. 1977 คณะนักวิจัยได้ใช้ความรู้เรื่องเปลือกมังคุดฝนกับน้ำปูนใสใช้ทาแผล หรือต้มกับน้ำเพื่อดื่มแก้โรคท้องร่วง จากตำราสมุนไพรและคำแนะนำของนักการภารโรงคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ มาเพิ่มมูลค่าเปลือกมังคุดที่เป็นมลภาวะเหลือใช้ ให้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพโดยเริ่มสกัดเปลือกมังคุด แล้วพบว่าสารหลักคือ GM-1 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง คณะนักวิจัยจึงประยุกต์ใช้ GM-1 ในครีมรักษาแผลซึ่งพบว่า มีประสิทธิภาพสูง แต่ด้วยข้อจำกัดที่กำหนดไว้ขององค์กรสาธารณสุขในการพัฒนายา นักวิจัยจึงใช้ GM-1 พัฒนาเครื่องสำอาง ชุดรักษาสิว ประทินผิว จำหน่ายในประเทศไทย โดยได้รับการยืนยันจากบริษัทเครื่องสำอางระดับโลกว่า ผลิตภัณฑ์ชุดนี้มีประสิทธิภาพสูง จากนั้นจึงได้เริ่มการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อแก้ไขปัญหาข้อเข่าเสื่อม/ อักเสบ โดยการเสริมฤทธิ์กับสารสกัดจากงาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และ บัวบก เพื่อจะได้ใช้ GM-1 ในปริมาณน้อยลงจนไม่เกิดปัญหาจากผลข้างเคียง แต่ได้สูตรสารผสมที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเป็นทวีคูณ
ในปี ค.ศ. 2007 คณะนักวิจัยได้ร่วมกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาการเกษตร แก้ไขปัญหาราคามังคุดตกต่ำด้วยการเพิ่มมูลค่าในผลิตภัณฑ์น้ำมังคุดสำหรับใช้แก้ไขปัญหาข้อเข่าเสื่อมอักเสบ แล้วทดสอบประสิทธิภาพ ในเวลาเดียวกันกับการทดสอบประสิทธิภาพแคปซูลเสริมอาหาร สำหรับข้อเข่าเสื่อม ซึ่งปรากฏผลว่า นอกจากจะมีประสิทธิภาพสูงในการลดปัญหาข้อเสื่อมอักเสบแล้วยังสามารถแก้ไขปัญหา โรคกระเพาะ/ ลำไส้อักเสบ, กรดไหลย้อน และ ภูมิแพ้อากาศได้ อันเกิดจากการที่ GM-1 แสดงฤทธิ์ผ่านเม็ดเลือดขาวในการปรับภูมิคุ้มกันร่างกายให้สมดุล จากงานวิจัยดังกล่าวจึงได้มีการจัดตั้งคณะนักวิจัย Operation BIM (Balancing Immunity) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพด้วยภูมิสมดุล
ในการทดสอบฤทธิ์ BIM ในสูตรต่างๆ ที่มีต่อเม็ดเลือดขาวที่ ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่า
BIM สูตรที่ 1
- สามารถกระตุ้นเม็ดเลือดขาว Th1, Th9 และ Th17 จึงมีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส เนื้องอก และมะเร็ง
- จากการกระตุ้นเม็ดเลือดขาว Th1 ทำให้ Th1 เด่นกว่า Th2 และ IL-5 ลดลง จึงแก้ไขอาการแพ้อากาศได้ดี
- จากการกระตุ้นเม็ดเลือดขาว Th1 ทำให้ Th1 เด่นกว่า Th2 และ IL-22 เพิ่มขึ้น จึงแก้ไขอาการ กรดไหลย้อน กระเพาะ/ ลำไส้อักเสบ
BIM สูตรที่ 2
- ลด TNF-a, IL-6 และ IL-17 จึงแก้ไขอาการเสื่อม/อักเสบของข้อ ตลอดจน อาการแพ้ภูมิตัวเอง เช่น รูมาตอยด์, SLE และ หอบหืด นอกจากนี้ยังสามารถสร้างมวลกระดูกอ่อนระหว่างกระดูกข้อ
BIM สูตรที่ 3
- ลด TNF-a, INF-g, IL-1-b, IL-6 และ IL-17 จึงทำให้แก้ไขปัญหาอาการผิดปกติที่เกี่ยวกับตาเกือบทุกอาการ
BIM สูตรที่ 4
- ลด TNF-a, INF-g และ IL-17 จึงทำให้แก้ไขปัญหาเบาหวาน ทั้งประเภทที่ 1 และ 2
BIM สูตรที่ 5 (น้ำมังคุดสูตรพิเศษ)
- ลด TNF-a, INF-g, IL-1-b, IL-6 และ IL-17 จึงทำให้แก้ไขปัญหาแพ้ภูมิตัวเอง, อาการผิดปกติที่เกี่ยวกับตาเกือบทุกอาการ แต่เพิ่ม IL-18 จึงป้องกันตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียก
คณะนักวิจัย ได้จดสิทธิบัตรการใช้ BIM สูตรที่ 1 และ 5 ในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งในทุกส่วนของร่างกาย และ พบว่า BIM สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยมะเร็งที่ใช้เฉพาะสูตร BIM โดยไม่ใช้เคมีและรังสีบำบัด อาการจะดีขึ้นต่อเนื่องโดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ด้วยเหตุนี้ คณะวิจัย จึงได้ประกาศโครงการ APCO THAILAND CANCER MOONSHOT 2017 ในขณะที่อเมริกาประกาศโครงการ CANCER MOONSHOT 2020 และได้ข้อสรุปในเบื้องต้นจากผู้เข้าร่วมโครงการนี้ว่า BIM ให้ผลชัดเจนที่สุดในอาการมะเร็งเต้านม จึงได้เริ่มโครงการ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมให้ “รักษาเต้านมไว้ได้ ด้วยภูมิสมดุล”
ในช่วงปี 2010-2012 จากข้อสรุปของนักภูมิคุ้มกันวิทยาว่า เชื้อ HIV ทำลายเม็ดเลือดขาว Th17 มากกว่าเม็ดเลือดขาว Th อื่นๆ ของ CD4 คณะนักวิจัยจึงเริ่มใช้ BIM ที่พัฒนาจากสูตรที่ 1 ในการดูแล ผู้ติดเชื้อ HIV และ ผู้ป่วยเอดส์ และเมื่อประสิทธิภาพของสูตรนี้เป็นที่ประจักษ์จึงได้จัดทำโครงการ ศูนย์ดูแลผู้ติดเชื้อ HIV และ ผู้ป่วยเอดส์ให้ “เพิ่ม CD4 และ ลด HIV รวดเร็ว ด้วยภูมิสมดุล”
กระบวนการพัฒนางานวิจัยไปสู่การสร้างอุตสาหกรรมเพื่อดูแลสุขภาพของมนุษยชาตินี้ อาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับความคิดนอกกรอบในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค จึงสามารถประสบความสำเร็จที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ รายละเอียดเหล่านี้จะมีการนำเสนอในระหว่างการเสวนา